| |||||||
พระนางจามรี | |||||||
| |||||||
มีคนไทยอีกกลุ่มหนึ่งอพยพหนีภัยข้าศึก
และโรคระบาดมาจากทางแคว้นหลวงพระบาง ลงมาสู่แคว้นลานนา ในกลุ่มดังกล่าวนี้มี
พระนางจามะรี (ไม่ใช่จามะเทวี)
เป็นหัวหน้า
และมีท้าวปวงมหาดผู้สนิทใกล้ชิดเป็นผู้นำทาง ได้พาไพร่พลมาตามแนวเมืองฝาง
แม่ระมิงค์ หริภุญไชย ตามลำดับ ในขบวนอพยพซึ่งมีพระนางจามะรี
เป็นหัวหน้านั้นมีพาหนะช้างชื่อ "จี๋มะลิ" เป็นช้างทรง
ต่อจากหริภุญไชยขบวนอพยพได้เดินทางข้ามมาที่ดอยหล่อ เลียบไปตามลำห้วยแม่ลอบ
แล้วตัดเข้าสู่ ขุนลำน้ำลี้
(ซึ่งสมัยนั้นยังไม่ได้ชื่อว่าน้ำลี้) ขบวนเดินทางได้หยุดพักซ่อมแซมเครื่องช้าง ณ
สถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งต่อมา ณ ที่นั้น มีผู้คนอาศัยอยู่ได้เรียกชื่อว่า
บ้านแซม หรือ บ้านแสม (คือบ้านแม่แสมเดี๋ยวนี้)
แล้วเดินทางต่อมาอีกประมาณครึ่งวัน
จึงได้หยุดพักช้างและพักพล พอควาญช้างบังคับให้ช้างหมอบเพื่อจะ ปลง (ปลด) เครื่องช้าง ช้างไม่ยอมหมอบ
ควาญช้างจึงได้ใช้ด้ามขอเหล็ก ต๊ง (กระทุ้ง) หัวช้างให้หมอบโดยได้
พยายามบังคับช้างอยู่เป็นเวลานาน ช้างจึงได้ยอมและจึงได้หยุดพักไพร่พล ณ
ที่แห่งนั้นจึงได้ชื่อว่า "ต้งหัวช้าง" คือบ้านทุ่งหัวช้างในปัจจุบัน
หลังจาก ได้พักพลแล้วก็ได้เดินทางต่อมาทางทิศใต้
พอมาถึงใกล้ลำห้วยแห่งหนึ่งช้างทรงตกใจวิ่งจนเด็ง (กระดึง) ที่ผูกคอช้างหลุดออกจากคอช้าง ภายหลัง ณ ที่นั้นได้ชื่อว่าแม่ปันเดง เมื่อเดินทางต่อมาอีก ระยะหนึ่งจึงหยุดพักแรมอีก ขณะที่หยุดพักแรมนั้น ท้างปวงมหาดได้ออกแอ่วล่าสัตว์แล้วถูกอสรพิษกัดถึงแก่ความตาย พระนางจามะรีจึงให้ปลงศพท้าว ปวงมหาด ณ ที่นั้น ซึ่งภายหลังต่อมา ณ ที่นั้นได้ชื่อว่า บ้านปวง และที่ปลงศพก็คือที่วัดแอ่วหรือวัดแอ้วในปัจจุบัน เมื่อเหตุร้ายได้เกิดกับหัวหน้าผู้นำทาง เช่นนั้น พระนางจามะรีก็ไม่สามารถที่จะตัดสินใจทำประการใด จึงได้ทำการบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์เทพาอารักษ์ขอให้นำช้างทรงไปสู่สถานที่ที่สมควรแก่การสร้างเมือง ช้างก็ออกเดินมาตามสายน้ำลี้ ถึงดอยหนึ่ง ข้างพยายามที่กลับคืนหลัง ดอยลูกนั้นจึงได้ชื่อว่าดอยคืนแต่แล้วช้างก็นำทางเดินทางต่อมาอีกด้วยความเหน็ดเหนื่อยช้างได้หยุดเดินและตะแคงสีข้างกับฝั่งแม่น้ำ ณ ที่นั้น ต่อมาได้ชื่อว่า "ตาแคง" หรือ นาแคงในปัจจุบัน | |||||||
|