|
1.จัดให้มีพิธีเข้าประจำกองในตอนกลางคืน ในสถานที่เงียบสงบ มืด จนกว่าจะเสร็จพิธีเข้าประจำกองลูกเสือวิสามัญ
|
|
2.ลูกเสือวิสามัญแต่งเครื่องแบบครบเรียบร้อย เข้านั่งที่ที่จัดไว้ อันเป็นที่นั่งที่สบายพอสมควรและสงบเงียบ
|
|
3.ประธานในพิธี กล่าว ปราม ชี้แจงถึงวัตถุประสงค์ของการสำรวจตัวเอง และพิธีเข้าประจำกองให้ทุกคนปฏิบัติด้วยศรัทธา
สงบ จริงใจ และมีสมาธิที่แน่วแน่ ให้ถือว่าเป็นพิธีการที่สำคัญ ศักดิ์สิทธิ์ไม่ควรทำเล่น ๆ หรือสนุกสนาน ทุกคนต้องสงบและสำรวมอย่างแท้จริง
|
|
4.หลังจากที่ประธานกล่าวถึงวัตถุประสงค์ในข้อ ๓ แล้ว ประธานจะกล่าวญาณ โดยปราศรัยถึงเกาะแก่งแห่งชีวิต
ซึ่งจะเป็นตัวอุปสรรคขัดขวางมิให้การดำเนินชีวิตของคนเราดำเนินไปด้วยดี เกาะแก่งแห่งชีวิตดังกล่าว
คือ อบายมุขต่าง ๆ ได้แก่ สุรา นารี ภาชี กีฬาบัตร พร้อมกล่าวอวยพรให้ประสบความสำเร็จในชีวิตและโชคดีตลอดไป
|
|
5.กองลูกเสือวิสามัญได้เตรียมแผนการสำรวจตัวเองไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว โดยเขียนกฎลูกเสือ๑๐ ข้อ
เพียงย่อ ๆ เช่น มีเกียรติ ประพฤติชอบ ลงบนก้อนหินที่มีขนาดโตหรือในกระดาษแผ่นโตสุดแต่กรณี
เพื่อให้ผู้พบอ่านง่าย จำนวน ๑๐ แห่ง ครบจำนวนกฎทั้ง ๑๐ ข้อ แล้วนำก้อนหินหรือกระดาษตอกติดเสา
หรือ ต้นไม้ ไปตั้งไว้ในป่า (หากมี) หรือรอบ ๆ สนาม โดยวางให้ห่าง ๆ กันตามลำดับกฎข้อ ๑-๑๐ ระยะทางที่วางให้มีระยะห่างพอสมควร (สิ่งต่าง ๆ ดังกล่าวในข้อนี้ต้องเตรียมไว้ก่อนล่วงหน้าในตอนเย็นของวันสำรวจตัวเอง) พร้อมทั้งกำหนดตัวบุคคลจำนวน ๑๑ คน ไว้ประจำจุดทั้ง ๑๐ จุด รวมทั้งผู้ที่จะกล่าวสรุปอีก ๑ คน อยู่รวมกับกฎข้อที่ ๑๐ ทั้งนี้ผู้ประจำตามจุดทั้ง
๑๐ ต้องมีไฟฉายติดตัวด้วยเพื่อไว้อ่านข้อความ
ซึ่งอธิบายความหมายของกฎลูกเสือแบบผู้ใหญ่ได้ และอย่าลืมว่าตามจุดต่าง ๆ ดังกล่าวต้องมีตะเกียงจุดตั้งไว้เพื่อแสดงจุดที่ตั้งด้วย
เพราะลูกเสือจะต้องเดินผ่านโดยมีผู้กำกับลูกเสือนำทางไปเมื่อลูกเสือได้ฟังเรื่อง
การกล่าวญาณ จบแล้ว
|
|
6.๖. ผู้กำกับลูกเสือหรือรองผู้กำกับลูกเสือคนหนึ่ง จะเป็นผู้พากองลูกเสือออกเดินทางไปในระหว่างความมืด
ซึ่งเปรียบเสมือนผ่านวิธีทางแห่งชีวิตลูกเสือ โดยเรียกแถวลูกเสือให้อยู่ในรูปแถวตอนหมู่(ตอนลึก)
เมื่อเรียบร้อยแล้วถือไฟฉายเดินนำลูกเสือไปช้า ๆ ทุกคนอยู่ในภาวะสงบ
ไม่พูด ไม่คุยสิ่งใดทั้งสิ้นและเดินตามผู้นำไป
เมื่อถึงกฎข้อ ๑ ให้ผู้นำแถว สั่งให้แถวลูกเสือหยุด แล้วให้สัญญาณด้วยไฟฉายแก่ผู้ประจำฐาน
ซึ่งซ่อนตัวอยู่ไม่ให้ลูกเสือเห็น อ่านข้อความของกฎข้อ ๑ และคำสอนประกอบดัง ๆ และช้า
ๆด้วยเสียงที่หนักแน่น
ในท่ามกลางความมืดอันสงบเงียบนั้น เมื่อจบข้อความแล้วผู้นำแถวก็นำลูกเสือผ่านฐานต่อไปตามลำดับจนครบกฎข้อ
๑๐ และแล้วตอนท้ายสุดจะมีผู้กล่าวสรุปกฎทั้ง ๑๐ ข้อ อีกครั้งหนึ่งซึ่งเป็นการส่งเสริมให้ลูกเสือได้เข้าใจและแปลความหมายของกฎของลูกเสือแบบผู้ใหญ่
|
|
7.หลังจากการกล่าวสรุปแล้ว ผู้นำแถวจึงนำแถวไปสู่ลานกว้างอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งมีโต๊ะหมู่บูชาตั้งอยู่พร้อมแล้ว
ผู้นำแถวเชิญประธานจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ผู้นำแถวและลูกเสือยืนพนมมือเสร็จแล้วผู้นำแถวมอบเทียน
พร้อมทั้งคำสำรวจตัวเอง (ข้อบังคับฯ ข้อ ๒๙๗) ให้ลูกเสือทุกคน
นำเทียนไปต่อไฟจากเทียนที่โต๊ะหมู่บูชา
หรือจากประธานในพิธี ลูกเสือแต่ละคนเมื่อรับของดังกล่าวแล้ว ให้แยกกันไปหาที่นั่ง ที่จุดใดจุดหนึ่งในบริเวณนั้น
ต่างคนต่างนั่งให้ห่างกัน เสมือนนั่งอยู่โดดเดี่ยวแล้วพิจารณาตัวเองตามข้อความทั้ง
๒๑ ข้อ ในแผ่นกระดาษคำสำรวจตัวเองที่ได้รับแจกมา หากมีข้อใดที่ไม่อาจปฏิบัติได้หรือ
ยากแก่การปฏิบัติ
ให้พิจารณาสำรวจตัวเองในข้อนั้นนาน ๆ อีกครั้งหนึ่ง หากยังถือปฏิบัติไม่ได้เช่นเดิม
ลูกเสือผู้นั้นมีสิทธิ์เดินออกไปจากบริเวณที่สำรวจตัวเองได้
และไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าร่วมพิธีประจำกองลูกเสือวิสามัญในวันนั้น
จนกว่าลูกเสือผู้นั้นจะผ่านการสำรวจตัวเองทุกข้อ จึงจะเข้าพิธีประจำกองลูกเสือวิสามัญได้ในวันต่อไป
|
|
8.เมื่อผู้นำแถวเห็นว่าลูกเสือได้กระทำการสำรวจตัวเองเรียบร้อยแล้วให้นำลูกเสือเข้าสู่สถานที่ที่จะประกอบพิธีเข้าประจำกองลูกเสือวิสามัญ
และติดแถบสามสีต่อไป สถานที่ที่จะประกอบพิธีเข้าประจำกองลูกเสือวิสามัญ
ควรจะเป็นคูหาลูกเสือวิสามัญหรือพุทธศาสนา หรือโบสถ์ ซึ่งเป็นสถานที่สงบเงียบต่อจากนั้น
กองลูกเสือวิสามัญทำพิธีเข้าประจำกอง ตามข้อบังคับคณะลูกเสือแห่งชาติ เมื่อลูกเสือได้ติดแถบสามสีเรียบร้อยแล้ว
ผู้กำกับลูกเสือกล่าวให้โอวาท ลูกเสือเก่า (ถ้ามี) หรือผู้กำกับลูกเสือจับมือแสดงความยินดีเป็นอันเสร็จพิธี
|